เปิดเผยกลยุทธ์การเทรด NovaStake: เทคนิคมาติงเกลเพื่อสร้างรายได้ประจำทุกเดือน!
- Writer
- 20 ก.พ.
- ยาว 2 นาที
อัปเดตเมื่อ 19 ชั่วโมงที่ผ่านมา

หนึ่งในการกระจายความเสี่ยง คือการกระจายสินทรัพย์การลงทุน เชื่อว่าหากเพื่อนๆทำฟาร์ม EA คู่สกุลเงินหลัก อย่าง EUR/USD, USD/JPY, GBP/USD, USD/CHF, AUD/USD, USD/CAD, NZD/USD ก็อาจจะมีกันในพอร์ต forex กันบ้างแล้ว
วันนี้ทางทีม discipline2freedom เลยอยากมานำเสนอคู่สกุลทางเลือก NZD/CAD ซึ่งเป็นคู่เงินที่มีความผันผวนต่ำ กราฟส่วนใหญ่จะออกไปทาง sideway ซึ่งเหมาะกับกลยุทธ์การเทรดแบบ reversal โดยใช้การบริหารเงินแบบมาติงเกลมาเป็นตัวช่วยเทรด

ระบบเทรด NovaStake สร้างจากข้อมูล 100% Real Ticks โดย EA สามารถเทรดทำกำไรต่อเนื่องด้วยข้อมูลแบคเทสต์มากกว่า 10 ปี ตั้งแต่ปี 2015 - 2025.01 เป็นอีกหนึ่งระบบของทางทีมงานที่มีออเดอร์เทรดแทบทุกวัน และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการกระจายสินทรัพย์เพื่อกระจายความเสี่ยง

ภาพผล backtest NovaStake บนคู่เงิน NZD/CAD TF-M15 โบรกเกอร์ Vantage MT5 บัญชีประเภท Standard Raw โดยเริ่มเทรดตั้งแต่ปี 2015 - 2025.01 จากทุน 10,000 USD จะได้กำไรรวม 258,725 USD มีออเดอร์ทั้งหมด 4,190 ครั้ง หรือเฉลี่ยประมาณ 35 ออเดอร์/เดือน

ระบบนี้จะใช้เงินทุนค่อนข้างสูง เราจึงแนะนำให้ user ใช้พอร์ต cent ในการเทรด โดยเริ่มต้นใช้ทุนเทรด 10,000 US Cent (เทียบเท่า 100 USD)
กรณีเลือก AutoLot_BasePercentOfBalance = 10
ในการตั้งค่า EA เมื่อนักลงทุนมี balance = 10,000 US Cent ระบบเทรด NovaStake จะออกออเดอร์แรกที่ 0.01 lot หากกราฟวิ่งถูกทาง EA จะปิดออเดอร์แรกทันทีตามจำนวน pip ที่กำหนดไว้(42 pips) แต่หากกราฟยังไม่กลับตัวตามการคาดการณ์ EA จะออกออเดอร์ที่ 2 ด้วยวอลุ่มสองเท่าของออเดอร์แรก และจะออกออเดอร์ถัดๆไปเป็นสองเท่าของออเดอร์ก่อนหน้า เมื่อกราฟกลับตัวและผลรวมเฉลี่ยของแต่ละออเดอร์เท่ากับ 38 pips EA จะปิดรวบทุกออเดอร์อัตโนมัติ แต่หากกราฟขึ้นหรือลงต่อเนื่องไม่เกิดการกลับตัว และหาก EA ออกออเดอร์ไปแล้วรวม 7 ครั้ง ระบบจะเปลี่ยนเป็นปิดออเดอร์ทั้งหมดทันทีที่ผลรวมของพอร์ตกลับมาเท่าทุนเพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ต และ EA จะกลับไปรอสัญญาณเข้าเทรดในออเดอร์แรกและเริ่มทำกำไรใหม่ในครั้งถัดไป
กรณีเลือก AutoLot_BasePercentOfBalance = 15
EA จะออกล็อตด้วยวอลุ่มมากขึ้น จากผลการแบคเทสต์ด้วยข้อมูลแบบละเอียดย้อนหลัง 10 ปี จากทุน 10,000 USD จะได้กำไรแบบทบต้นทั้งหมด 1,736,986 USD และมี Equity Drawdown Relative หรือเงิน equity ในพอร์ตเคยโดนลากจนติดลบถึง 44.88%

กรณีเลือก AutoLot_BasePercentOfBalance = 20
EA จะออกล็อตด้วยวอลุ่มเริ่มต้น 0.02 สำหรับทุนตั้งต้น 10,000 USD และจะมีการเบิ้ลล็อตตามระบบเมื่อกราฟไม่กลับตัวตามคาดการณ์ของ EA จากผลการแบคเทสต์ด้วยข้อมูลแบบละเอียดย้อนหลัง 10 ปี จากทุน 10,000 USD จะได้กำไรแบบทบต้นทั้งหมด 2,522,430 USD และมี Equity Drawdown Relative หรือเงิน equity ในพอร์ตเคยโดนลากจนติดลบถึง 87.81%

เมื่อเรามาดูแบบเจาะลึก จะพบว่า EA ได้ cut loss ไป 1 ครั้ง เมื่อปี 2018 ตามการ setting ในค่าตั้งต้นของเราที่กำหนดให้มี stop loss เมื่อพอร์ตติดลบ 70% หลังจาก EA คัทลอสไปแล้ว ก็เริ่มเทรดต่อด้วยเงินทุน balance ที่เหลือ และทำกำไรต่อเนื่องมาจนถึงปลายปี 2024
แต่ในสถานการณ์จริง เหตุการณ์แบบนี้จะส่งผลในทางจิตใจ นักเกร็งกำไรหลายท่านจะอยากได้ผลตอบแทนสูง จึงเลือกเทรดด้วยความเสี่ยงที่สูงขึ้น แต่พอเจอช่วงเหตุการณ์ที่กราฟไม่เป็นไปตามคาด เมื่อพอร์ตโดน cut loss ก็จะเลิกใช้ EA ทันที บางคนก็กลัวการใช้ EA ไปตลอดชีวิต บางคนก็มีอคติกับระบบเทรดมาติงเกล ทั้งที่ไม่ได้เข้าใจการทำงานและเข้ามาด้วยความโลภ หลายคนออกจากตลาด forex เพราะขาดทุนหนัก แต่ถ้าเราเลือกที่จะเทรดด้วยความเสี่ยงต่ำ ถึงจะได้ผลตอบแทนไม่หวือหวา แต่ก็สามารถสร้างกระแสเงินสดให้เราได้สม่ำเสมอ

ความน่ากลัวของระบบมาติงเกลที่หลายๆคนได้ยินมาคือ การล้างพอร์ต เพราะแน่นอนว่าระบบนี้เป็นระบบที่เรียกได้ว่า "สู้ตาย" ถ้ากราฟไม่เป็นไปตามคาด ก็จะเบิ้ลล็อตไปเรื่อยๆ
EA มาติงเกลหลายๆตัวที่ขายในตลาด มักสร้างจากข้อมูลแบคเทสต์สั้นๆ เช่น 1-3 ปี เมื่อเอามาเทรดในตลาดจริงแล้วเจอกราฟในรูปแบบที่แตกต่างจากช่วงข้อมูลที่ทดสอบไว้มากๆ ก็มักจะประสบผลขาดทุน แต่การขาดทุนของระบบมาติงเกลที่ผู้พัฒนาส่วนใหญ่มักทำคือ การไม่กำหนดให้ EA มี stop loss แน่นอนว่ามีข้อดีตรงที่เรามีเงินทั้งหมดในพอร์ตไว้สำหรับเทรดแก้ไม้ โอกาสที่พอร์ตจะเหลือ 0 ย่อมน้อยกว่าโอกาสที่พอร์ตจะโดน cut loss ไปก่อนที่ 50-70% เพราะถ้าไม่โดนคัทลอส แล้วกราฟกลับตัว พอร์ตก็จะกลับมาปิดกำไร ไม่เจอภาวะขาดทุนเลย ดังนั้น EA มาติงเกลส่วนใหญ่ในตลาด นักพัฒนาหลายท่านจะไม่กำหนดให้มี stop loss
ทีนี้เราลองมาเซ็ตค่า EA NovaStake ของเรา โดยปิดโหมด stop loss (ผู้ใช้สามารถตั้งค่า %stop loss หรือ เลือกปิดโหมด stop loss เองได้ในการตั้งค่า)
จากกราฟจะเห็นว่า EA ทำกำไรได้ต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มเทรดในปี 2015 แต่แล้วกำไรที่ขึ้นไปสูงเกือบ 2 แสนดอลล่าก็หายวับในพริบตาเมื่อเจอกับช่วงกราฟที่เป็นเทรนด์ต่อเนื่องในปี 2018
ถ้าผู้ใช้เลือกทยอยถอนกำไรออกไปเรื่อยๆก็อาจจะไม่ขาดทุน แต่ถ้าสมมุติเราเป็นคนดวงซวย แล้วเริ่มใช้ EA ตัวนี้ในช่วงปี 2018 นอกจากจะไม่ได้กำไรแล้ว ยังขาดทุนแทบหมดพอร์ต เพียงเพราะเราเลือกที่จะเทรดด้วยความเสี่ยงสูง และไม่กำหนดให้มีการบริหารเงินที่ดีด้วยการใช้ stop loss นั่นเอง

กลยุทธ์การเทรด NovaStake
NovaStake จะเข้าเทรดเมื่อกราฟมีสัญญาณการกลับตัว โดยจะใช้อินดิเคเตอร์ Bollinger Bands เป็นสัญญาณหลัก และมี Stochastic เป็นตัวช่วยกรองสัญญาณหลอก

ออเดอร์ Buy จะเปิดเมื่อกราฟราคาอยู่ต่ำกว่า Bollinger Bands Lower พร้อมกันกับอินดิเคเตอร์ Stochastic ต้องอยู่ใต้โซน oversold ในทางตรงกันข้าม ออเดอร์ Sell จะเปิดเมื่อกราฟราคาอยู่สูงกว่า Bollinger Bands Upper พร้อมกันกับอินดิเคเตอร์ Stochastic ต้องอยู่เหนือโซน overbought

ชุดออเดอร์ buy และ sell จะทำงานแยกกัน ออเดอร์ทั้งสองฝั่งสามารถเปิดพร้อมกันได้ แต่จะปิดทำกำไรแยกกลุ่ม buy และ sell อย่างชัดเจน หาก EA ออกออเดอร์แล้วกราฟวิ่งไปในทิศทางตรงกันข้าม จะมีการบริหารเงินด้วยเทคนิคมาติงเกลเพื่อแก้สถานการณ์ให้กำไรรวมกลับมาเป็นบวก โดยแต่ละออเดอร์จะเข้าเทรดแบบไดนามิคเมื่อกราฟราคามีสัญญาณการกลับตัวเท่านั้น
คำแนะนำการใช้ EA NovaStake
Account Type: แนะนำใช้บัญชีที่มีสเปรดต่ำ เช่น บัญชี ECN / Raw / Pro
Leverage: ตั้งแต่ 1:100 ขึ้นไป
เงินทุนตั้งต้น: 10,000 USD สำหรับบัญชี standard หรือ 10,000 US Cent สำหรับบัญชี cent (10,000 US Cent = 100 USD)
Comments